การเล่นพนันบอลเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจในอัตราต่อรอง (Odds) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงผลตอบแทนจากการวางเดิมพัน อัตราต่อรองในการเดิมพันฟุตบอลมีหลายประเภทที่สำคัญที่ผู้เล่นควรทราบ โดยแต่ละประเภทจะมีการแสดงผลตอบแทนที่แตกต่างกันไปครับ
ไปเริ่มกันเลย
- อัตราต่อรองแบบ “มาเลเซีย” หรือ “ฮ่องกง” (Decimal Odds)
- วิธีการอ่าน: อัตราต่อรองแบบทศนิยมแสดงถึงจำนวนเงินที่จะได้รับเมื่อเดิมพัน 1 หน่วย (หรือ 1 บาท) รวมกับเงินทุนที่วางไว้
- การคำนวณ:
ตัวอย่าง: อัตราต่อรอง 2.50 หมายความว่า หากเดิมพัน 100 บาทและชนะ จะได้รับ 250 บาท (รวมทุน) คือ 100 บาท (ทุนเดิม) + 150 บาท (กำไร) - ใช้ใน: มักจะใช้ในเว็บไซต์พนันบอลทั่วไป เช่น Bet365, Pinnacle
- อัตราต่อรองแบบ “อินเดีย” หรือ “Fractional Odds”
- วิธีการอ่าน: อัตราต่อรองแบบเศษส่วน (Fractional Odds) แสดงเป็นสัดส่วนของกำไรที่จะได้รับจากการวางเดิมพัน
- การคำนวณ:
ตัวอย่าง: อัตราต่อรอง 5/1 หมายความว่า หากเดิมพัน 100 บาทและชนะ จะได้รับ 500 บาท (กำไร 500 บาท และคืนทุน 100 บาท)- ถ้าเป็น 1/5 จะหมายถึงการเดิมพัน 5 บาท จะได้กำไร 1 บาท
- ใช้ใน: มักใช้ในบ่อนพนันแบบดั้งเดิมในอังกฤษ
- อัตราต่อรองแบบ “อเมริกัน” หรือ “Moneyline Odds”
- วิธีการอ่าน: อัตราต่อรองในรูปแบบนี้แสดงเป็นบวกหรือเป็นลบ
- อัตราต่อรองบวก (+): แสดงกำไรที่ได้จากการเดิมพัน 100 บาท ตัวอย่าง: +150 หมายความว่า เดิมพัน 100 บาทจะได้กำไร 150 บาท
- อัตราต่อรองลบ (-): แสดงจำนวนเงินที่ต้องเดิมพันเพื่อที่จะชนะ 100 บาท ตัวอย่าง: -200 หมายความว่า ต้องเดิมพัน 200 บาทเพื่อที่จะชนะ 100 บาท
- การคำนวณ:
ตัวอย่าง: ถ้าอัตราต่อรองคือ +150 และเดิมพัน 100 บาทและชนะ จะได้รับ 150 บาท (กำไร) รวมทุนคือ 250 บาท - ใช้ใน: มักพบในเว็บพนันกีฬาในสหรัฐอเมริกา
- อัตราต่อรองแบบ “Handicap” หรือ “แต้มต่อ”
- วิธีการอ่าน: อัตราต่อรองนี้จะมีการให้ทีมที่อ่อนกว่าหรือมีโอกาสชนะต่ำกว่าเป็น “แต้มต่อ” (เช่น -1, +1)
- ทีมที่มีแต้มต่อ – (ลบ): หมายความว่าทีมนี้ต้องชนะมากกว่าคะแนนที่กำหนด (เช่น ทีม A -1.5 หมายความว่า ทีม A ต้องชนะมากกว่าหนึ่งประตูถึงจะชนะเดิมพัน)
- ทีมที่มีแต้มต่อ + (บวก): หมายความว่าทีมนี้สามารถแพ้ได้ไม่เกินจำนวนแต้มที่กำหนด (เช่น ทีม B +1.5 หมายความว่า ทีม B แพ้ได้ไม่เกิน 1 ประตูหรือเสมอเพื่อให้ชนะเดิมพัน)
- อัตราต่อรองแบบ “Over/Under” หรือ “สูง/ต่ำ”
- วิธีการอ่าน: อัตราต่อรองนี้เกี่ยวข้องกับจำนวนประตูในเกม ถามว่าผลรวมของประตูที่ทำได้โดยทั้งสองทีมจะสูงหรือต่ำกว่าค่าที่กำหนด
- Over 2.5: เดิมพันว่าในเกมนี้จะมีประตูรวมมากกว่า 2.5 (เช่น 3 ประตูขึ้นไป)
- Under 2.5: เดิมพันว่าในเกมนี้จะมีประตูรวมต่ำกว่า 2.5 (เช่น 0-2 ประตู)
- อัตราต่อรองแบบ “Correct Score” หรือ “ผลสกอร์ที่ถูกต้อง”
- วิธีการอ่าน: การเดิมพันในผลคะแนนที่แน่นอนของเกม เช่น การเดิมพันว่าเกมจะจบด้วยผล 2-1 หรือ 1-1 ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่แม่นยำมากกว่า
- การคำนวณ: การเดิมพันประเภทนี้มักมีอัตราต่อรองที่สูงมากเพราะมีความเสี่ยงสูง
- อัตราต่อรองแบบ “Draw No Bet” หรือ “เสมอไม่คืนเงิน”
- วิธีการอ่าน: ในการเดิมพันแบบนี้ หากเกมจบด้วยผลเสมอ เงินเดิมพันของจะถูกคืนให้ทั้งหมด
- การคำนวณ: ถ้าเดิมพัน 100 บาท และทีมของชนะ จะได้รับเงินคืนพร้อมกับกำไรตามอัตราต่อรอง ถ้าเสมอ จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน
- อัตราต่อรองแบบ “Double Chance”
- วิธีการอ่าน: เดิมพันในผลการแข่งขันที่จะชนะได้ 2 ใน 3 ตัวเลือก ได้แก่ ชนะหรือเสมอ, เสมอหรือแพ้, หรือชนะหรือแพ้
- การคำนวณ: อัตราต่อรองมักจะต่ำกว่า แต่โอกาสในการชนะเดิมพันสูงขึ้น
การคำนวณกำไรจากอัตราต่อรอง
- อัตราต่อรองแบบทศนิยม: กำไร = (อัตราต่อรอง × จำนวนเงินเดิมพัน) – จำนวนเงินเดิมพัน
- อัตราต่อรองแบบเศษส่วน: กำไร = (จำนวนเงินเดิมพัน × (เศษ/ส่วน))
- อัตราต่อรองแบบอเมริกัน:
- บวก: กำไร = (จำนวนเงินเดิมพัน × (อัตราต่อรอง ÷ 100)) + จำนวนเงินเดิมพัน
- ลบ: กำไร = (จำนวนเงินเดิมพัน ÷ (อัตราต่อรอง ÷ 100)) + จำนวนเงินเดิมพัน
สรุป
การเข้าใจอัตราต่อรองในการพนันบอลจะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นในการวางเดิมพันและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร โดยการเลือกประเภทอัตราต่อรองที่เหมาะสมกับรูปแบบการเล่นและกลยุทธ์ที่ใช้ครับ
และสุดท้ายอย่าลืมเลือกเล่นกับเว็บที่มีใบอนุญาตนะครับ เพราะว่าเว็บในโลกนี้มีเยอะมากครับ และส่วนมาก มากกว่า 80% เป็นเว็บที่โกงครับ ถ้าไม่อยากโดนโกงแนะนำเลยว่าเล่นเว็บที่มีใบอนุญาต และมีประสบการณ์เปิดมานานกว่า 10-15 ปียิ่งดีครับ
สำหรับใครที่รู้แล้วว่าตัวเองเล่นเว็บผิดกฎหมายไม่มีใบอนุญาต และมีบางจังหวะที่รู้สึกเอ๊ะ ล็อกผลรึเปล่า นั้นแหละครับ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนเว็บครับ เพราะเชื่อได้ว่า จะเป็นอย่างที่คิดแน่นอนครับ